Southwest Airlines

Captain Sopon P.
19 เม.ย. 2561
ยาว 1 นาที

มาติดตามเรื่องเครื่องยนต์ระเบิดของสายการบิน Southwest Airlines กัน

ก่อนอื่นดูวีดีโออันนี้เลยครับ

จะเห็นภาพชัดเจนของเที่ยวบินของ SWA1380 เมื่อวันที่ 17Apr18 ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุที่ความสูง 30,000 กว่าฟุต

เครื่องยนต์ด้านซ้าย เรียกว่า เครื่องยนต์ที่ 1 ในตอนแรกกัปตันบอกว่า เครื่องยนต์ไฟไหม้ น่าจะเป็นเพราะสัญญานเตือนในห้องนักบินนั้นเตือนในตอนแรกว่าไฟไหม้ และนักบินก็จะทำตาม Malfunction Procedure

วีดีโอภาพกราฟฟิคประกอบกับเสียงติดต่อวิทยุระหว่างนักบินและหอบังคับการบิน

การที่เครื่องยนต์เสียไปหนึ่ง เท่ากับกำลังในการขับเคลื่อนหายไปครึ่งหนึ่ง

ทำให้อาจจะทำการบินระดับที่ 30,000 ฟุตไม่ได้

แต่กรณีนี้นักบินน่ารีบลงเพราะระบบปรับความดันอากาศไม่สามารถควบคุมระดับความดันได้ เนื่องจากหน้าต่างที่แตกออกทำให้เกิดการสูญเสียความดันเฉียบพลัน

(Rapid Decompression)

ความดันภายในที่ต่างจากความดันภายนอกทำให้ คนที่นั่งติดหน้าต่างบานนั้นถูกดันออกไป

คนที่ติดตามอ่านเรื่องที่ผมเขียนจะรู้ว่า ผมเน้นเสมอว่า “เมื่อนั่งอยู่กับที่ให้รัดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ” จะช่วยให้ไม่ถูกดันออกไปนอกหน้าต่าง

อาการที่ถูกดันออกไปนอกเครื่องบินนั้น จะเกิดแรงสูงสุดเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลังจากที่สภาพความดันอากาศภายในเครื่องบินมีค่าใกล้เคียงกับภายนอกแล้ว ความรุนแรงของการถูกดันน่าจะลดลงพอสมควร

กลับมาที่การบินครับ

นักบินคุมน้ำเสียงได้ดีมาก

หอบังคับการบินก็เช่นกัน

นึกสภาพออกว่า นักบินทั้งสองคนจะต้องยุ่งมาก

จนกัปตันไม่สามารถที่จะมีเวลาพอที่จะประกาศบอกใด ๆ ให้กับผู้โดยสารทราบ

(ดูการสัมภาษณ์ผู้โดยสารจากวีดีโอของ CBS News)

ต้องถือว่าดีที่สุดแล้วครับ ที่ลงสนามมาอย่างปลอดภัย

และยังคิดเผื่อด้วยว่าออกมาจากรันเวย์แล้วจอดบริเวณทางขับ (taxiway) จะได้ไม่ไป block runway หลังจากจอดแล้วไม่ได้ทำการอพยพ (evacuation) แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่กัปตันพูดด้วยว่า จะกาง flaps ทิ้งไว้ เผื่อว่าอาจจะจำเป็นต้องอพยพ (ตาม procedure ในการอพยพของ B737 ให้กาง flaps 40)

ดูวีดีโอแล้วจะเห็นว่าหลังจากที่ลงสนามแล้ว นักบินจะสามารถติดต่อกับ Rescue and Fire Fighting Service (RFFS) พร้อม ๆ ไปกับหอบังคับการบิน เพื่อที่จะประสานงานต่าง ๆ

สิ่งที่ไม่ได้ยินจากการติดต่อสื่อสารคือ นักบินไม่ได้บอกว่ามี rapid decompression แต่การบอกว่ามีรูและมีคนหลุดออกไป (went out) ทางหอก็ตกใจนิดหนึ่ง และคงเข้าใจได้ทันทีว่า สูญเสียระบบปรับความดันแน่นอน

เครื่องบินจึงจำเป็นต้องทำการ emergency descend เพื่อที่จะลงมาสู่ระดับความสูงที่สามารถหายใจได้โดยไม่ต้องใช้หน้ากากออกซิเจน นั่นคือ ต่ำกว่า 14,000 ฟุตลงมา (ในวีดีโอให้ลงมาที่ 11,000 ฟุต)

CNN

(อ่านเรื่อง อุปกรณ์ที่สำคัญกับชีวิต เข็มขัดนิรภัยและหน้ากากออกซิเจน) ภาพวีดีโอกราฟฟิคการรายงานข่าวของ MSNBC

เคสนี้หากยังมีไฟลุกอยู่

คำพูดที่หอถามว่า Physically on fire?

เป็นการต้องการทราบสถานการณ์ว่ายังมีไฟลุกอยู่หรือไม่

และสถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ หากไฟยังลุกอยู่

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไฟจะไม่ติดขึ้นมาใหม่

หากการลงสนามมีความยากลำบากและไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ เช่น เกิดการกระแทกเสียดสี

หรือระบบที่ทำงานไม่ครบถ้วนเพราะเครื่องยนต์ที่เราเรียกว่า engine นั้น อีกชื่อหนึ่งมันคือ powerplant หมายความว่าระบบที่เครื่องยนต์ตัวนี้สร้างพลังงานจะไม่สามารถทำงานได้เช่น Engine Generator, Engine Hydralic Pump, Engine bleed air เมื่อระบบต่าง ๆ ทำงานไม่ครบถ้วนดีนักการลงสนามก็คงไม่ง่ายแบบปกติครับ

จะเห็นว่า ผู้โดยสารที่ให้สัมภาษณ์บอกว่าการลงสนามนั้น สั่นสะเทือนรุนแรง นึกว่าจะต้องตายแล้ว

ภาพข่าวของ CBS News

การแถลงข่าวของ NTSB

ทุกเคสของการลงสนามที่เป็นการฉุกเฉินนั้น รถดับเพลิงจะมารอรับเสมอ เพราะหากเกิดประกายไฟหรือมีการรั่วของน้ำมันเชื่อเพลิงและติดไฟขึ้นมา สถานการณ์แบบนี้บีบบังคับให้ต้องทำการอพยพผู้โดยสารทันที

สำหรับเครื่องยนต์รุ่นนี้ CFM56-7B นั้นผลิตมาตั้งแต่ปี 1997 และติดตั้งอยู่บนเครื่องบิน B737 กว่า 6,700 ลำทั่วโลก

การสอบสวนโดย National Transport of Safety Board หรือ ที่เราคุ้นหูว่า NTSB นั้นก็จะต้องทำอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อบกพร่องว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ตั้งแต่การซ่อมบำรุง และการตรวจสอบระหว่างการใช้งาน ในเบื้องต้นจะเหมาว่า เครื่องบินที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบบเดียวกันนี้จะต้องเจอปัญหาเดียวกันคงจะคิดเร็วเกินไปครับ ต้องรอการประกาศให้ทำการปฏิบัติการตรงสอบที่เรียกว่า Airworthiness Directive ที่ FAA จะเป็นผู้ออกคำสั่งมา หรือจะเป็น Service Bulletin ของฝั่งผู้ผลิตเครื่องยนต์ ก็ต้องรอความชัดเจนประมาณหนึ่งก่อน พวกเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปกันไปครับ